เมนู

อรรถกถาพรหมณสูตรที่ 7


พราหมณสูตรที่ 7

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า โลกายติกา ได้แก่ หพราหมณ์ผู้สอนคัมภร์โลกายตะ
(คัมภีร์ที่ไม่น่าเชื่อถือ). บทว่า สตตํ คือในกาลทุกเมื่อ. บทว่า
สมิตํ ได้แก่ ไม่มีระหว่างคั่น. บทว่า ติฏฺฐเตตํ ตัดบทเป็น ติฏฺฐุ เอตํ
แปลว่า ข้อนี้ยกไว้ก่อน คือ พวกท่านอย่าเริ่มถึงเรื่องนี้เลย ไม่มี
ประโยชน์อะไรแก่พวกท่านดอก. บทว่า ธมฺมํ โว พราหมณา
เทเสสฺสามิ
ความว่า เราจักแสดงจตุสัจธรรมแก่พวกท่าน. บทว่า
ทฬฺหธมฺโม ได้แก่ นายธนถือธนูหนักยืนอยู่. บทว่า ธนุคฺคโห
ได้แก่นายธนู. ชื่อว่าธนูหนัก ท่านกล่าวว่าต้องใช้กำลังคนถึง
สองพันคนยก. ชื่อว่าใช้กำลังคนถึงสองพันคนก็ถือสายธนูเป็น
โลหะ เมื่อจะยกก็จับคัน ยกขึ้นจนถึงคอ จึงจะพ้นแผ่นดิน. บทว่า
สิกฺขิโต ได้แก่เรียนศิลปะในสำนักอาจารย์ตลอด 22. ปี.
บทว่า คตหตฺโถ ได้แก่นายธนูผู้หนึ่งศึกษาศิลปะเท่านั้น
ยังมิได้ประลองฝีมือ แต่นายธนูผู้นี้ได้ประลองฝีมือแล้ว คือมีความ
ชำนาญมาก. บทว่า กตุปาสโน ได้แก่ ได้แสดงฝีมือในราชตระกูล
มาแล้ว. บท ลหุเกน อสเนน ได้แก่ด้วยลูกศรที่เบา ทำข้างใน
ให้เป็นโพรง เอานุ่นเป็นต้น ยัดจนเต็ม ทำเป็นเครื่องหมายไว้.
จริงอยู่ ลูกศรธรรมดาที่ทำกันยิงแล่นไปเพียง 1 อุสภะ แต่ลูกศร
ของนายธนูแล่นไปได้ 2 อุสภะ ฯลฯ ลูกศรธรรมดาแล่นไป 8 อุสภะ
แต่ของนายธนูแล่นไปได้ 16 อุสภะ. บทว่า อปฺปกสิเรน คือ

โดยไม่ลำบาก. บทว่า อติปาเตยฺย คือ ล่วงเลยไปได้ (ทะลุ)
ท่านอธิบายว่า นายธนูนั้นก้าวข้ามเงาประมาณ 1 คืบ 4 นิ้ว ได้
ฉับพลันทันที ฉันใด บุคคลมีฝีเท้าเร็วสามารถก้าวเลยสกลจักรวาล
ได้ฉับพลันฉันนั้น. บทว่า สนฺธาวนิกาย ได้แก่ วิ่งไปด้วยเท้า.
บทว่า เอวมาหํสุ แปลว่า ได้กล่าวแล้วอย่างนี้.
จบ อรรถกถาพราหมณสูตรที่ 7

8. เทวสูตร


ว่าด้วยเทวาสุรสงครามกับการผจญมาร


[243] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว สงคราม
ระหว่างเทวดากับอสูรได้ประชิดกัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ใน
สงครามครั้งนั้น พวกอสูรชนะ พวกเทวดาแพ้ และพวกเทวดาที่แพ้
ได้พากันหนีไป พวกอสูรลุกไล่ติดตามมุ่งไปทางทิศอุดร ครั้งนั้น
แล พวกเทวดาได้มีความคิดอย่างนี้ว่า พวกอสูรลุกไล่ติดตามมา
จำเราจะทำสงครามกับพวกอสูรครั้งที่ 2 อีก.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ครั้งที่ 2 พวกเทวดาก็ทำสงคราม
กับพวกอสูรอีก พวกอสูรชนะ พวกเทวดาแพ้ และพวกเทวดา
ที่แพ้ได้พากันหนีไป พวกอสูรลุกไล่ติดตามมุ่งไปทางทิศอุดร
ครั้งนั้นแล พวกเทวดาได้มีความคิดอย่างนี้ว่า พวกอสูรลุกไล่
ติดตามมา จำเราจะทำสงครามกับอสูรครั้งที่ 3 อีก.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ครั้งที่ 3 พวกเทวดาทำสงคราม
กับพวกอสูรอีก พวกอสูรชนะ พวกเทวดาแพ้ และพวกเทวดา
ที่แพ้กลัวพากันหนีเข้าไปในเทพบุรี ก็แหละพวกเทวดาที่หนีเข้าไป
ยังเทพบุรี ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า บัดนี้ พวกเรามีตนได้ที่พึ่งแล้ว
พวกอสูรจะทำอะไรเราไม่ได้ แม้พวกอสูรก็มีความคิดอย่างนี้ว่า
บัดนี้ พวกเทวดามีตนได้ที่พึ่งแล้ว พวกเราจะทำอะไรไม่ได้.